ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา Google ได้ปรับอัลกอริทึมและฟีเจอร์หลายอย่างที่ส่งผลโดยตรงต่อวงการ SEO และการตลาดดิจิทัล ทั้งด้านการจัดอันดับ การแสดงผลในหน้า Search และพฤติกรรมของผู้ใช้ ซึ่งนักการตลาดและเจ้าของเว็บไซต์จำเป็นต้องเข้าใจแนวโน้มเหล่านี้เพื่อนำมาปรับกลยุทธ์ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง
🔍1. การอัปเดต Algorithm และ Spam Update ครั้งใหญ่
August 2025 Spam Update
Google ประกาศอัปเดตระบบตรวจจับสแปมในเดือนสิงหาคม 2025 โดยใช้เวลานานถึง 27 วันเต็ม ซึ่งถือเป็นหนึ่งในอัปเดตที่มีผลกระทบกว้างที่สุดในรอบปี เป้าหมายหลักคือการลดการมองเห็นของเว็บไซต์ที่ใช้ เนื้อหาซ้ำซ้อน (Duplicate Content), Spam Links, หรือ เนื้อหาที่สร้างโดย AI แบบไร้คุณภาพ
Core Algorithm Update
Google ยังคงเดินหน้าปรับ Core Algorithm อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นให้รางวัลกับเว็บไซต์ที่สร้าง “People-first content” หรือเนื้อหาที่ให้ประโยชน์กับผู้ใช้จริง ไม่ใช่เนื้อหาที่เขียนเพื่อเอาชนะอัลกอริทึม ซึ่งแนวโน้มนี้กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของ SEO ในยุคปัจจุบัน
2. E-E-A-T ยังคงเป็นหัวใจหลักของ SEO
Google ยืนยันชัดเจนว่าเว็บไซต์ที่มี E-E-A-T (Experience, Expertise, Authoritativeness, Trustworthiness) จะได้รับคะแนนความน่าเชื่อถือสูงกว่า
- Experience (ประสบการณ์จริง): ผู้เขียนควรแสดงให้เห็นว่ามีประสบการณ์ตรงในเรื่องนั้น
- Expertise (ความเชี่ยวชาญ): ควรมีข้อมูลหรือหลักฐานอ้างอิงจากผู้เชี่ยวชาญในสายงาน
- Authoritativeness (ความน่าเชื่อถือ): เว็บไซต์ต้องได้รับการยอมรับจากแหล่งอื่น
- Trustworthiness (ความไว้วางใจ): เว็บไซต์ต้องโปร่งใส มีข้อมูลติดต่อชัดเจน และไม่มีพฤติกรรมหลอกลวง
สำหรับเนื้อหาที่สร้างด้วย AI — Google ไม่ได้แบน แต่จะให้ความสำคัญกับ คุณภาพ ความถูกต้อง และคุณค่าต่อผู้ใช้จริง ดังนั้นทีม SEO ต้องตรวจสอบและปรับเนื้อหา AI ให้มีความสมบูรณ์ก่อนเผยแพร่เสมอ
3. AI Overview: การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของหน้า Search
ปี 2025 คือปีที่ AI Overview (หรือ SGE – Search Generative Experience) ถูกทดสอบและขยายการใช้งานอย่างจริงจังในหลายประเทศ โดย Google จะนำเสนอ “คำตอบสรุปจาก AI” ให้ผู้ใช้เห็นทันทีบนหน้า Search ซึ่งอาจทำให้การคลิกเข้าเว็บไซต์ลดลง
แนวทางรับมือของนักการตลาด
- เขียน Meta Title และ Description ให้น่าสนใจมากขึ้น เพื่อดึงดูดคลิกจากผู้ใช้
- ปรับเนื้อหาให้เป็น Answer-type Content (ตอบคำถามตรงประเด็น กระชับ เข้าใจง่าย)
- สร้าง บทความ Long-form ที่มี Insight เชิงลึก เพื่อให้มีโอกาสถูกเลือกเป็นคำตอบใน AI Overview
นอกจากนี้ Google ยังทดลองรูปแบบหน้าค้นหาใหม่ เช่น
- การย้ายตำแหน่งช่องค้นหา AI ไปทางด้านขวา
- การเพิ่มปุ่ม “Translate a Conversation” สำหรับการค้นหาแบบข้ามภาษา
4. ฟีเจอร์ใหม่สำหรับนักพัฒนาและผู้ดูแลเว็บไซต์
Google เปิดตัวและปรับปรุงเครื่องมือหลายอย่างเพื่อสนับสนุนธุรกิจและนักพัฒนา:
- Store Widget: เครื่องมือใหม่ที่ช่วยให้ร้านค้าออนไลน์เพิ่มความน่าเชื่อถือและสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า
- Google Trends API (Alpha): เปิดให้นักพัฒนาดึงข้อมูลเทรนด์การค้นหาแบบเรียลไทม์ เพื่อใช้วิเคราะห์กลยุทธ์ SEO ได้แม่นยำขึ้น
- Markup สำหรับ Loyalty Program: เพิ่มการรองรับข้อมูลสะสมแต้มบน Structured Data เพื่อให้ผู้ใช้เห็นสิทธิประโยชน์จากร้านค้าชัดเจน
- ยกเลิก Structured Data บางส่วน: เพื่อลดความซับซ้อนของผลลัพธ์บนหน้า Search และเน้นเฉพาะข้อมูลที่มีคุณค่าจริง
5. แนวทางทำ SEO ให้รอดในปี 2025
ในปี 2025 SEO จะไม่ใช่แค่การปรับคีย์เวิร์ดหรือ Backlink อีกต่อไป แต่คือการ “เข้าใจผู้ใช้” และ “สร้างคุณค่าในระยะยาว”
แนวทางสำคัญที่ควรโฟกัสคือ:
- สร้างเนื้อหาคุณภาพสูง (High-value Content): เน้นประโยชน์ที่แท้จริงต่อผู้อ่าน
- พัฒนา User Experience (UX): เว็บไซต์ต้องโหลดเร็ว เป็นมิตรกับมือถือ (Mobile-first)
- เสริมความน่าเชื่อถือ (E-E-A-T): ใส่ชื่อผู้เขียน โปรไฟล์ผู้เชี่ยวชาญ และแหล่งอ้างอิง
- เข้าใจ AI Overview: ปรับเนื้อหาให้ AI นำเสนอได้ง่ายและตรงประเด็น
- โฟกัส CTR และ Engagement: เน้นคุณภาพของการคลิกมากกว่าจำนวนการมองเห็น
🔎 สรุป: ทิศทาง SEO 2025
Google ยังคงมุ่งไปสู่การค้นหาที่ “เข้าใจเจตนาของผู้ใช้” มากขึ้นกว่าเดิม
SEO ที่ยั่งยืนในปี 2025 จึงไม่ใช่การแข่งกับอัลกอริทึม แต่คือการสร้างเว็บไซต์ที่ “ตอบโจทย์ผู้ใช้” อย่างแท้จริง — ใครเข้าใจหลักการนี้ก่อน ย่อมได้เปรียบในเกมการค้นหาแห่งอนาคต