เมื่อโลกออนไลน์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การทำ SEO ไม่ได้เป็นเพียงแค่การปรับแต่งเว็บไซต์เพื่อให้ติดอันดับบนหน้าแรกของ Google เท่านั้น แต่เป็นการแสดงถึงการนำแบรนด์ธุรกิจ ที่สื่อถึงความเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณทำธุรกิจติดตั้งโซล่าเซลล์ เนื้อหาในเว็บไซต์ต้องเกี่ยวข้องกับงานด้านโซล่าเซลล์ พลังงานสะอาด การประหยัดไฟฟ้า ความปลอดภัย ทุกอย่างในเว็บไซต์ควรเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกันและ relate กันทั้งหมด มีการตอบคำถามที่ User อยากรู้ ข้อมูลในหน้าเว็บของคุณถึงจะถูก AI จาก Google นำไปแสดงผลคำตอบก่อนใคร
ในปัจจุบันเราได้เห็นว่า Google ได้ใช้ระบบ AIO ในการเลือกใช้เนื้อหา จากบทความคุณภาพของเว็บไซต์ที่ติดอันดับมาเป็นคำตอบให้กับผู้ใช้งาน ซึ่งนักการตลาดหรือคนทำ SEO มือใหม่อาจจะต้องรู้ว่า คำศัพท์ใหม่ SEO ที่นักการตลาดใช้เรียก กันมีคำว่าอะไรบ้าง และหมายถึงอะไร เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในปี 2026 และรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันอันดับได้ถูกต้อง

Part 1: คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับ AI และการค้นหา
- AI-First SEO: นี่ไม่ใช่แค่การใช้ AI ช่วยทำงาน แต่เป็นการปรับเปลี่ยน Mindset ทั้งหมดของการทำ SEO โดยให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจและทำงานร่วมกับ AI ของ Search Engine เป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูล, การสร้างเนื้อหา, หรือการคาดการณ์พฤติกรรมการค้นหาของผู้ใช้งาน
- Generative Engine Optimization (GEO): GEO ณ ตอนนี้คือหัวใจสำคัญของ เทรนด์ SEO 2025 และอาจจะต่อเนื่องจนถึงปี 2026 เนื่องจากเป็นกลยุทธ์ที่เน้นการปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะสมกับเครื่องมือค้นหาที่ใช้ AI สร้างสรรค์ (Generative AI) เช่น Google AI Overviews ซึ่งจะสร้างสรุปคำตอบโดยตรงบนหน้าผลการค้นหา (SERP) หากเนื้อหาของคุณถูกนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของคำตอบที่ AI สร้างขึ้น นั่นหมายถึงโอกาสในการเข้าถึงผู้ใช้ที่สูงขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องมีการคลิกเข้าเว็บไซต์
- Zero-Click Search: ด้วยการเข้ามาของ AI Overviews และฟีเจอร์อื่นๆ อย่าง Featured Snippets หรือ Knowledge Panels ทำให้ผู้ใช้ได้รับคำตอบที่ต้องการโดยตรงบนหน้า SERP โดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บไซต์เลย การทำ SEO จึงต้องมุ่งเน้นการปรากฏในตำแหน่งที่ให้คำตอบทันทีเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด
- Answer Engine: เครื่องมือค้นหาแบบดั้งเดิมมุ่งเน้นการแสดงผลเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง แต่ Answer Engine คือวิวัฒนาการใหม่ของ Search Engine ที่ใช้ AI ในการวิเคราะห์คำถามของผู้ใช้และให้คำตอบที่สมบูรณ์แบบโดยตรง
- NLP (Natural Language Processing): เทคโนโลยีเบื้องหลังที่ช่วยให้ AI เข้าใจภาษาของมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง NLP ทำให้ Google สามารถตีความความตั้งใจที่อยู่เบื้องหลังการค้นหา (Search Intent) ได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
Part 2: คำศัพท์ที่เกี่ยวกับคุณภาพเนื้อหาและประสบการณ์ผู้ใช้
ในยุคที่ AI สามารถสร้างเนื้อหาได้ การสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและน่าเชื่อถือจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
6. E-E-A-T (Experience, Expertise, Authoritativeness, and Trustworthiness): หลักการสำคัญของ Google ที่เพิ่มตัว E (Experience) เข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญ นอกเหนือจากความเชี่ยวชาญ, ความน่าเชื่อถือ และความน่าเชื่อมั่น การมี “ประสบการณ์ตรง” กับสิ่งที่เขียนจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้เนื้อหามีคุณภาพสูง
7. User-Centric SEO: แนวคิดที่ให้ผู้ใช้เป็นศูนย์กลางของการทำ SEO ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสร้างเนื้อหาที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ (Search Intent) ไปจนถึงการออกแบบเว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย (UX/UI)
8. Semantic SEO: การทำ SEO ที่เน้นความหมายและความสัมพันธ์ของคำศัพท์ แทนที่จะมุ่งเน้นแค่คีย์เวิร์ดเพียงอย่างเดียว Search Engine ที่ฉลาดขึ้นจะเข้าใจบริบทของเนื้อหาทั้งหมด ทำให้สามารถจัดอันดับเว็บไซต์ที่นำเสนอข้อมูลที่ครอบคลุมได้อย่างแม่นยำ
9. Topical Authority: การสร้างความเชี่ยวชาญในหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งอย่างเจาะลึกและครอบคลุม เพื่อให้ Google มองว่าเว็บไซต์ของคุณเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือในหัวข้อนั้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับได้ดีขึ้น
10. Content Curation: ในยุคที่ข้อมูลมีมากมาย การรวบรวมและคัดเลือกเนื้อหาที่มีคุณภาพจากแหล่งต่างๆ มานำเสนอใหม่ในรูปแบบที่น่าสนใจและมีคุณค่าสำหรับผู้อ่าน
Part 3: คำศัพท์ที่เกี่ยวกับประสิทธิภาพทางเทคนิคและสัญญาณจากผู้ใช้
ประสิทธิภาพของเว็บไซต์และความเข้าใจในพฤติกรรมของผู้ใช้คือปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
11. Core Web Vitals: ชุดเมตริกสำคัญของ Google ที่ใช้ประเมินคุณภาพของประสบการณ์ผู้ใช้บนหน้าเว็บ ประกอบด้วย LCP (ความเร็วในการโหลดเนื้อหา), FID (การตอบสนองต่อการโต้ตอบของผู้ใช้) และ CLS (ความเสถียรของหน้าเว็บ)
12. Schema Markup: รูปแบบโค้ดที่ช่วยให้ Search Engine เข้าใจเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้ดีขึ้น ทำให้สามารถแสดงผลลัพธ์การค้นหาที่น่าสนใจและดึงดูดสายตามากขึ้น (Rich Snippets)
13. Mobile-First Indexing: Google จะพิจารณาเว็บไซต์ในเวอร์ชันมือถือก่อนเป็นอันดับแรก การปรับเว็บไซต์ให้รองรับการใช้งานบนมือถือจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น
14. User Signals: สัญญาณที่บ่งบอกถึงพฤติกรรมของผู้ใช้บนเว็บไซต์ เช่น อัตราการคลิกเข้าชม (CTR), เวลาที่ใช้บนหน้าเว็บ (Time on Page) และอัตราตีกลับ (Bounce Rate) สัญญาณเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ Google ใช้ในการจัดอันดับ
15. Cannibalization: ปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อหลายหน้าบนเว็บไซต์แข่งขันกันด้วยคีย์เวิร์ดเดียวกัน ทำให้ประสิทธิภาพในการจัดอันดับลดลง การแก้ไขปัญหา Cannibalization เป็นส่วนหนึ่งของการทำ SEO เชิงเทคนิคที่สำคัญ
Part 4: คำศัพท์ที่เกี่ยวกับกลยุทธ์และการตลาด
การทำ SEO ไม่ได้แยกจากกลยุทธ์การตลาดอื่น ๆ แต่กลับต้องทำงานร่วมกันกับ Social media อย่างเป็นระบบ
16. AIO (All-in-one SEO): แนวคิดที่เน้นการทำ SEO อย่างครอบคลุมทุกด้าน ทั้ง On-page, Off-page, Technical, Local และ Content โดยใช้กลยุทธ์และเครื่องมือที่เชื่อมโยงกันเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
17. SEO for Sales: กลยุทธ์ SEO ที่มุ่งเน้นการเพิ่มยอดขายและ Conversion เป็นเป้าหมายหลัก แทนที่จะมุ่งเน้นแค่การเพิ่ม Traffic เพียงอย่างเดียว
18. Omnichannel SEO: กลยุทธ์ที่เชื่อมโยงและปรับปรุงการมองเห็นของแบรนด์ในทุกช่องทาง ทั้งเว็บไซต์, โซเชียลมีเดีย, และหน้าร้านค้าออนไลน์ เพื่อสร้างความสอดคล้องของแบรนด์ในทุกแพลตฟอร์ม
19. Traffic Diversity: การเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์จากหลากหลายช่องทาง ไม่ใช่แค่ Organic Search เพียงอย่างเดียว เช่น Social Media, Email Marketing หรือ Referral Traffic เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาช่องทางเดียว
20 .Community Search: ผู้ใช้เริ่มให้ความสำคัญกับข้อมูลจากชุมชนออนไลน์มากขึ้น ทำให้การทำ SEO ต้องคำนึงถึงการสร้าง Presence และการมีส่วนร่วมในแพลตฟอร์มเหล่านี้ เช่น Reddit, Quora หรือกลุ่มเฉพาะทางบนโซเชียลมีเดีย
21. Voice Search Optimization: การปรับปรุงเนื้อหาให้เหมาะสมกับการค้นหาด้วยเสียง เช่น การใช้คีย์เวิร์ดยาวๆ (Long-tail Keywords) และการเขียนเนื้อหาในรูปแบบคำถาม-คำตอบที่ฟังดูเป็นธรรมชาติ
22. Visual Search Optimization: การทำ SEO สำหรับการค้นหาด้วยรูปภาพและวิดีโอ เช่น การใส่คำบรรยายภาพ (Alt Text) ที่ละเอียดและเหมาะสม การใช้ Structured Data และการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจในรูปแบบภาพ
23. Search Intent: ความตั้งใจที่อยู่เบื้องหลังการค้นหาของผู้ใช้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ได้แก่ Informational (ต้องการข้อมูล), Navigational (ต้องการเข้าเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่ง), Transactional (ต้องการซื้อสินค้า) และ Commercial Investigation (ต้องการหาข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจซื้อ)
24. Featured Snippets: คำตอบสั้นๆ ที่ Google ดึงมาจากหน้าเว็บไซต์และแสดงไว้ที่ด้านบนสุดของหน้าผลลัพธ์การค้นหา ซึ่งเป็นโอกาสในการได้รับ Zero-Click Search
25. Local SEO: การทำ SEO เพื่อเพิ่มการมองเห็นในผลการค้นหาที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ซึ่งสำคัญมากสำหรับธุรกิจที่มีหน้าร้านจริง
การทำ SEO ในปี 2025 และ 2026 คือการก้าวข้ามแนวคิดเดิมๆ มาสู่การทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้และเทคโนโลยี AI อย่างลึกซึ้ง การเรียนรู้ คำศัพท์ใหม่ SEO 2025/2026 เหล่านี้ไม่ใช่แค่การเพิ่มพูนความรู้ แต่คือการเตรียมพร้อมเพื่อสร้างกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในยุคที่ Google ใช้ AI เป็นหลักในการจัดอันดับเว็บไซต์