fbpx

Google SGE เมื่อ AI เปลี่ยนโลกการค้นหา นักการตลาด และคนทำ SEO ต้องปรับตัวอย่างไร?

เมื่อโลกของการค้นหาออนไลน์กำลังเปลี่ยนแปลงไปเพราะการเข้าถึงของเครื่องมือ AI อย่าง ChatGPT ที่เข้ามามีอิทธิพลกับผู้ใช้มากขึ้นเรื่อยๆ Google จึงเปลี่ยนการค้นหาแบบใหม่ที่ฝ่ายการตลาดต้องปรับคือ Google Search Generative Experience (SGE) นั่นคือจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดในรอบทศวรรษ เมื่อ AI เข้ามามีบทบาทในการตอบคำถามของผู้ใช้โดยตรง ซึ่งวิธีการทำ SEO แบบเดิมๆ อาจไม่ได้ผลอีกต่อไป

SGE คืออะไร และทำไมมันถึงสำคัญ?

Google SGE เป็นฟีเจอร์ใหม่ของทาง Google ที่ใช้ AI ในสร้างคำตอบที่ครอบคลุมและเป็นธรรมชาติขึ้นมาแสดงที่ด้านบนของผลการค้นหา แทนที่ผู้ใช้จะต้องคลิกเข้าไปดูเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อหาคำตอบ ตอนนี้ Google จะรวบรวมข้อมูลจากหลายเว็บไซต์มาสร้างคำตอบที่สมบูรณ์ให้เลย

สิ่งนี้หมายความว่าการแข่งขันเพื่อให้ผู้ใช้คลิกเข้าเว็บไซต์จะยากขึ้น เพราะคำตอบที่ต้องการอาจแสดงอยู่บนหน้าผลการค้นหาแล้ว นี่คือเหตุผลที่นักการตลาดและคนทำ SEO ต้องเปลี่ยนกลยุทธ์

ผลกระทบต่อ Traffic และ Click-through Rate

จากการทดสอบในต่างประเทศ พบว่า SGE ส่งผลให้ organic click-through rate ลดลงประมาณ 18-25% โดยเฉพาะในคำค้นหาที่เป็นคำถามตรงๆ เช่น “วิธีทำ” “อะไรคือ” หรือ “ทำไม” เพราะผู้ใช้ได้คำตอบที่ต้องการแล้วโดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บ แต่เลือกอ่านเฉพาะข้อมูลจาก google ai ที่แนะนำมาเท่านั้น

แต่สำหรับคำค้นหาที่ซับซ้อนหรือกรณีที่ผู้ใช้งานต้องการข้อมูลเชิงลึก ผู้ใช้ยังคงคลิกเข้าเว็บไซต์เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม ดังนั้นคุณภาพเนื้อหายังคงเป็นสิ่งสำคัญ

ทำไม SGE ถึงเลือกเว็บไซต์บางเว็บมาแสดง?

Google ใช้หลายปัจจัยในการคัดเลือกแหล่งข้อมูลสำหรับ SGE:

ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ – เว็บที่มี authority สูง มี backlink คุณภาพ และถูกอ้างอิงบ่อย • ความสดใหม่ของข้อมูล – เนื้อหาที่อัปเดตล่าสุดมีโอกาสถูกเลือกมากกว่า • ความสมบูรณ์ของเนื้อหา – บทความที่ครอบคลุมหัวข้ออย่างละเอียด • โครงสร้างข้อมูลที่ชัดเจน – การใช้ Schema Markup และการจัดระเบียบเนื้อหาที่ดี

กลยุทธ์ SEO ใหม่สำหรับยุค SGE

1. เน้นความเป็นผู้เชี่ยวชาญ (E-E-A-T)

สร้างเนื้อหาที่แสดงความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ ความน่าเชื่อถือ และความเป็นที่ยอมรับ Google ให้ความสำคัญกับ E-E-A-T มากขึ้นในยุค AI

2. ตอบคำถามอย่างครอบคลุม

แทนที่จะเขียนบทความสั้นๆ ให้ลองเขียนบทความยาวที่ตอบคำถามที่เกี่ยวข้องทั้งหมด คิดเหมือนคุณกำลังสร้าง “มหาสารานุกรม” ของหัวข้อนั้นๆ

3. ใช้ข้อมูลโครงสร้าง (Schema Markup)

Schema Markup ช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาของคุณได้ดีขึ้น และมีโอกาสถูกเลือกไปแสดงใน SGE มากขึ้น

4. สร้างเนื้อหาที่ไม่ซ้ำใคร

AI สามารถรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งได้ แต่มันไม่สามารถสร้างประสบการณ์เฉพาะตัว เรื่องราวส่วนตัว หรือข้อมูล exclusive ที่คุณมี

การตลาดในยุค SGE ต้องเปลี่ยนอะไรบ้าง?

Brand Awareness มีความสำคัญมากขึ้น

เมื่อผู้ใช้ไม่ค่อยคลิกเข้าเว็บ การสร้างการรับรู้แบรนด์ผ่านช่องทางอื่นจึงสำคัญมากขึ้น เช่น social media, email marketing, หรือการโฆษณา

เน้น Long-tail Keywords

คำค้นหาที่เฉพาะเจาะจงและซับซ้อนยังคงมีโอกาสได้ traffic ดี เพราะ AI ยังตอบได้ไม่สมบูรณ์สำหรับคำถามที่ซับซ้อน

สร้าง Content Hub

แทนที่จะมีบทความกระจัดกระจาย ลองสร้าง content hub ที่รวบรวมข้อมูลครบถ้วนในหัวข้อหนึ่งๆ ไว้ที่เดียว

เตรียมตัวอย่างไรสำหรับอนาคต?

SGE ยังอยู่ในช่วงทดสอบ และ Google จะปรับปรุงอัลกอริทึมอย่างต่อเนื่อง สิ่งสำคัญคือต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม

อย่าลืมว่าเป้าหมายสุดท้ายของ SEO ยังคงเป็นการให้บริการผู้ใช้ที่ดีที่สุด ไม่ว่าเทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร การสร้างเนื้อหาคุณภาพที่ตอบโจทย์ผู้ใช้จริงๆ ยังคงเป็นหัวใจสำคัญ

การปรับตัวไม่ใช่เรื่องยาก หากเราเข้าใจการเปลี่ยนแปลงและเตรียมกลยุทธ์ใหม่ให้พร้อม SGE อาจเป็นความท้าทาย แต่ก็เป็นโอกาสสำหรับคนที่เตรียมตัวดีด้วยเช่นกัน

Google SGE เมื่อ AI เปลี่ยนโลกการค้นหา นักการตลาด และคนทำ SEO ต้องปรับตัวอย่างไร?
Scroll to top